ฮวงจุ้ยบ้าน

คิดจะซื้อ บ้าน คิดจะขาย บ้าน 
อาจารย์มีวิธีแนะนำ  
ซื้อได้ ขายได้ ภายใน 45 วัน
อาจารย์ ดำ ชัวร์


ฮวงจุ้ยมีอิทธิพลต่อชีวิตของคนทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเกิดจากการที่รูปสัญลักษณ์หรือรูปทรงของที่ดิน อาคาร หรือบ้านที่อยู่มีลักษณะไม่ถูกต้อง ก็จะค่อยๆ สะสมพลังร้ายเข้ามาอยู่ภายใน พอผ่านไปหลายๆ ปี ก็จะเริ่มส่งผลร้ายต่อผู้ที่อยู่อาศัย

ลักษณะภายนอกบ้านที่ไม่ถูกต้อง

1. บ้านมีลักษณะเป็นรูปตัว L, W, U, H ทำให้มีมุมเว้าแหว่ง พลังหมุนเวียนไปไม่ราบรื่น
2. มีเสาไฟฟ้า ต้นไม้ วัตถุหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ที่บริเวณภายนอกของประตูเพราะจะขวางทิศทางที่กระแสพลังจะเข้ามาในบ้าน
3. ตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งด้านหลัง ทางซ้ายหรือขวา สูงมากเกินไป
4. กำแพงที่เก่าดูสกปรก ขึ้นรา หรือกำแพงบ้านสูงมากเกินไป
5. สร้างบ้านโดยถมดินยกสูงเกินไป เหมือนอยู่บนเนิน พลังจะเทออกหมด
6. มีสะพาน หรือทางสามแพร่งที่พุ่งแทงเข้ามา
7. บ้านที่มีเหลี่ยมตึกของอาคารอื่น หรือหน้าจั่วชี้แทงมาที่ด้านหน้า-หลัง,ซ้าย-ขวา
8. บ้านที่อยู่ระหว่างช่องว่างของตึกสูง เป็นช่องลมพิฆาตที่ไม่ดี เรียกว่าทัณฑ์ฟ้าผ่า
9. บ้านที่อยู่ตรงกันข้ามโบสถ์ วิหาร วัด ศาลเจ้า โรงพยาบาล สุสาน เสา เครื่องหมายจราจร มีปล่องไฟเป่าลมพุ่งมาหาบ้าน
10. มีต้นไม้ใหญ่อยู่ชิดบ้าน หรือต้นไม้ใหญ่เหี่ยวเฉา ยืนตายอยู่ใกล้บ้าน

ลักษณะภายในบ้านที่ไม่ถูกต้อง
1. จากประตูมองเข้าไปภายใน มีเสา ต้นไม้ วัสดุหรือสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งผนังหรือกำแพงที่กั้นปิดใกล้ประตูเกินไป
2. ประตูห้องตรงกัน ประตูตรงกับประตูห้องน้ำ ประตูตรงกับเตียงนอน ตรงกับเตา
3. คานต่ำ เพดานต่ำ เพดานเฉียง ฝ้าหลุม หลังคาหลายจั่ว
4. กันสาดกดต่ำมาก จนลมหรือพลังเข้าบ้านไม่ได้
5. แสงสว่างไม่พอ และห้องในบ้านที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
6. บ้านหลายหลังที่อยู่รวมกัน หลังคาชนกัน
7. ตัวบ้านที่แตกร้าว
8. บันไดตรงกับประตูห้องนอน ห้องน้ำ บันไดอยู่กลางบ้าน
9. หัวเตียงติดกับเตาไฟ โถส้วม ประตู
10. กระจกอยู่ที่หัวนอน หรือส่องมาใส่ตัวคน




 

 

การเลือกพื้นที่ในการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน
มีผลต่อความเป็นมงคล และอัปมงคลต่อผู้อยู่อาศัยดังนี้คือ


1. พื้นดินร่วนซุย การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นดินร่วนซุย จะทำให้รากฐานของอาคารไม่มีความมั่นคง ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ทำให้อาชีพการงาน และชีวิตความเป็นอยู่ไม่มีความมั่นคง

2. พื้นดินมีตอไม้ หรือรากไม้ การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นดินที่มีตอไม้ หรือรากไม้อยู่ใต้ดิน จะทำให้พื้นดินมีสภาพที่ไม่แข็งแรงทำให้ฐานรากของอาคารไม่มีความมั่นคง ผู้อยู่อาศัยจะมีโชคชะตาชีวิตที่ไม่ดี

3. พื้นที่มีบ่อน้ำเก่าที่ถูกถม การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นที่ ๆ ถมทับบ่อน้ำเก่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหู และตา และอีกทั้งรากฐานบ้านจะไม่แข็งแรง ทำให้ชะตาชีวิตของผู้อยู่อาศัยไม่ค่อยจะดีนัก

4. พื้นดินชุ่มชื้น การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นดินที่ชุ่มน้ำมีการระบายน้ำไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และทำให้ครอบครัวไม่มีความสงบสุข

5. พื้นดินมีน้ำเสียแช่ขัง การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นดินที่มีน้ำเสียแช่ขัง (รวมถึงใต้พื้นดินภายใต้อาคาร) จะทำให้รากฐานของบ้านผุกร่อนเร็ว ผู้อยู่อาศัยมีชีวิตที่ไม่มั่นคง และอาชีพการงานล้มเหลว

6. พื้นที่มีซากปรักหักพังมานาน การสร้างอาคารบ้านเรือนบนพื้นที่ ๆ เคยมีซากปรักหักพังมานาน ทำให้เกิดความเป็นอัปมงคลกับผู้อยู่อาศัย สุขภาพถูกบั่นทอน และเจ็บป่วยได้ง่าย

7. พื้นที่ ๆ มีทางน้ำไหลผ่านเข้าไปในที่ดิน ลักษณะพื้นที่เช่นนี้แสดงว่าเป็นพื้นที่ต่ำ และจะเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ค่อนข้างง่าย ทำให้พื้นฐานไม่มั่นคง และมีความชื้นสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย และยังทำให้เกิดเหตุเภทภัยต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ อาชีพการงาน และอนาคตไม่มีความแน่นอนหาความมั่นคงไม่ได้ และไม่มีโชค ไม่มีลาภอีกด้วยจึงถือว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดีที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง

8. พื้นที่เคยเป็นซากปรักหักพังของวัด วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่ควรเข้าไปล่วงล้ำอยู่อาศัย และแม้จะเป็นเพียงซากปรักหักพังแล้วก็ตาม ก็ยังมิบังควรมิฉะนั้นจะประสบกับเหตุเภทภัย และเคราะห์กรรม ยิ่งถ้าใช้เป็นที่ประกอบธุรกิจการค้าก็ยิ่งจะทำให้มีผลกระทบเกิดความซบเซา ถึงกับล้มเลิกกิจการไปในที่สุด

9. พื้นที่เคยเป็นสนามรบ หรือลานประหาร สนามรบ หรือลานประหารมีกลิ่นอายแห่งความตายเต็มไปด้วยพลังหยิน และความเป็นอัปมงคลหากเข้าอยู่อาศัยบนพื้นที่นี้จะทำให้เกิดปัญหาในด้าน ของมนุษยสัมพันธ์ มีความขัดแย้ง เกิดการทะเลาะวิวาท อารมณ์วู่วาม หากทำธุรกิจการค้าบนพื้นที่นี้ก็จะพบกับความสำเร็จได้อย่างยากลำบาก และอาจถึงกับต้องล้มเลิกกิจการ

10. พื้นที่เคยเกิดอัคคีภัย พื้นที่ ๆ เคยเกิดมีอัคคีภัยจะทำให้พลังในดินถูกทำลายไปจนหมด หากจะสร้างอาคารบ้านเรือนจะต้องเปลี่ยนหน้าดินนี้ใหม่ หรือพักดินนี้อย่างน้อยที่สุดเป็นเวลา 5 ปี มิฉะนั้นแล้วจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีชีวิตที่ไม่ราบรื่น อาชีพการงาน หรือธุรกิจการค้า (บนพื้นที่) ซบเซาไม่มีความเจริญก้าวหน้า และยากที่จะประสบกับความสำเร็จ
หลักพิจารณาพลังของพื้นที่รอบอาคารบ้านเรือน

1. ถ้าบริเวณโดยรอบอาคารบ้านเรือนไม่มีภูเขามีแต่ทางน้ำ หรือถนน และตั้งอยู่ห่างจากอาคารบ้านเรือนไม่เกิน 30 เมตร ให้ทำการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างทางน้ำ หรือ ถนนกับอาคารบ้านเรือนก่อน
 
2. ถ้าทางน้ำ หรือถนนอยู่ห่างจากอาคารบ้านเรือนเกินกว่า 30 เมตรและมีภูเขาตั้งอยู่เราจะต้องพิจารณา ความสัมพันธ์ระหว่างภูเขากับอาคารบ้านเรือนก่อน

3. ถ้าอาคารบ้านเรือนอยู่ใกล้กับภูเขามากเราจะต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างภูเขากับ อาคารบ้านเรือนก่อนเป็นอันดับแรก

4. ทางน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นที่มีทำเลที่ดีแล้วเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปนั้นในทาง ฮวงจุ้ยถือว่าพื้นที่นั้นเป็น ทำเลที่พลังมังกรเริ่มเสื่อมถอย และไม่ควรที่จะเลือกเข้าเป็นที่อยู่อาศัย

5. หากมีทางน้ำเริ่มไหลเข้าสู่ทำเลที่ดีนั้นในทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นทำเลที่พลัง มังกรยังไม่แข็งแกร่งจึงยัง ไม่เหมาะที่จะเข้าอยู่อาศัยในพื้นที่นี้
 
6. ทำเลพื้นที่ ๆ อิงภูเขาจะต้องทำการพิจารณาลักษณะของภูเขาก่อนว่ามีความเป็นมงคล หรืออัปมงคลอย่างไร ถ้าภูเขาค่อย ๆ สูงขึ้นไปเป็นขั้น ๆ ไม่สูงชัน แลดูมีความสง่างาม หรือมียอดโค้งมน (คล้ายหลังเต่า) ถือว่าเป็นลักษณะของภูเขาที่เป็นมงคล
 
7. ทำเลพื้นที่ ๆ มีภูเขาเป็นยอดแหลม (แบบธาตุไฟ) จะไม่เหมาะที่จะสร้างเป็นอาคารบ้านเรือนที่อยู่ อาศัยของคนทั่วไปแต่จะเหมาะสำหรับสร้างเป็นวัดวาอาราม หรือศาสนสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ

8. ถ้าภูเขาตั้งอยู่ใกล้อาคารบ้านเรือนมาก ๆ และตัวอาคารบ้านเรือนกับยอดเขาทำมุมกันเกินกว่า 30 องศาขึ้นไปจะเป็นอัปมงคลถือว่าเป็นลักษณะข่มไม่ควรเข้าอยู่อาศัยในพื้นที่ ทำเลเช่นนี้

 
9. ถ้าเป็นอาคารบ้านเรือนนั้นใช้เป็นที่ทำธุรกิจการค้าจะต้องไม่ตั้งประตูหน้า ของอาคารบ้านเรือน ให้หันไปสู่ทางเทือกเขา เพราะการตั้งประตูหันสู่เทือกเขาจะทำให้เกิดพลังย้อนกลับออกไปจากอาคาร ทำให้ลูกค้าน้อย และเกิดภาวะวิกฤตต่าง ๆ ขึ้น

10. ถ้าอาคารบ้านเรือนตั้งอยู่ใกล้เทือกเขามากจะต้องให้ความใส่ใจในเรื่องของลม และจุดรวมพลัง เป็นอย่างมาก เช่น ในบริเวณหุบเขาจะเป็นจุดอับลมถือว่ามีพลังตาย ในบริเวณซอกเขาจะเกิดภาวะพิฆาตลม เป็นต้น