ฮวงจุ้ยร้านค้า


 
การกำหนดรูปแบบของร้านค้าและร้านอาหารนั้น สิ่งสำคัญที่สุดทาง ฮวงจุ้ย ที่ดีก็คือ การดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้สำเร็จ และเสียงระรัวอย่างมีความสุขของเครื่องคิดเงิน
อันแสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปด้วยดี ร้านค้าที่จะดึงลูกค้าเข้าร้านได้ดีเช่นนี้ สิ่งสำคัญประการแรกก็คือ จะต้องมีการออกแบบภายในให้มีลักษณะเชิญชวน
ให้เข้าร้านการจัดเรียงสินค้าภายในจะต้องกำหนดให้ตัวพนักงานขายที่เป็นคน ต้อนรับลูกค้าหันหน้าเข้าหาประตู สินค้าจะต้องจัดเรียงในลักษณะเชื้อเชิญ
ให้ลูกค้ามองเห็นได้ถนัดตาภายในร้านควรติดไฟให้สว่างไสวเพื่อดึงดูดให้พลัง ชี่ไหลเวียนเข้าร้านได้ดี การติดกระจกมาก ๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นสัญลักษณ์
ที่แสดงถึงสินค้าและการอำนวยความสะดวกที่ “เพิ่มมากาขึ้นเป็นสองเท่า” อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความโอ่โถง และความรุ่งเรืองในปัจจุบันนี้ เจ้าของร้านค้าย่อย
หลายคนพบว่า การตั้งตู้ปลา หรือน้ำพุเล็ก ๆ เอาไว้ ก็จะช่วยให้การค้าขายดีขึ้นเจ้าของร้าน โดยเฉพาะร้านที่มีอ่างปลาคาร์พราคาแพงหรือ “ปลาสวยงาม” อื่น ๆ
มักจะดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้เพราะเหตุผลสองประการ ประการแรกคือ ความเป็นมงคลทาง ฮวงจุ้ย เพราะมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ประการที่สองคือ เป็นการแสดงถึง
“ความสด” ของร้านขายอาหารทะเลร้านอาหารจีนสมัยใหม่จะไม่ใช้สีแดงและสีทองช่วยในการ ตกแต่งอีกต่อไปแล้วและอีกหลายร้านก็ไม่ใช้รูปมังกรเกี่ยวกระหวัดเช่น
ที่เคยเห็นตามร้านอาหารจีนแบบเก่า แต่ร้านอาหารเหล่านี้จะเปลี่ยนมาใช้สีทาภายในสีอ่อน ๆ ร้านรูปสี่เหลี่ยม โต๊ะทานอาหารทรงกลม และจัดเรียงโต๊ะไม่ให้แน่นเกินไป
เพื่อให้พลังชี่ไหลเวียนภายในร้านได้สะดวกเครื่องคิดเงินเฟอร์นิเจอร์ชิ้น สำคัญที่สุดในร้านหรือร้านอาหารก็คือ เครื่องคิดเงินนั่นเอง การจัดวางตำแหน่งเครื่องคิดเงิน
สามารถบันดาลให้เกิดโชคลาภอย่างมหันต์ หรือทำให้เกิดความหายนะได้ ดังนั้น การจัดวางเครื่องคิดเงินจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังมากที่สุดทั้งนี้ เพราะ
เครื่องคิดเงิน เป็นอาณาบริเวณที่ “เงินทอง” หลั่งไหลเข้ามายังเจ้าของกิจการ ยิ่งตั้งอยู่ในที่เป็นมงคลมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้ “เงินทอง” หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเท่านั้น
1. พนักงานแคชเชียร์จะต้องนั่งในตำแหน่งที่มองเห็นบริเวณประตูทางเข้าได้ถนัดตา และคงไม่ต้องย้ำอีกกว่า แคชเชียร์จะต้องไม่หันหลังเข้าประตู
เครื่องคิดเงินจะต้อง ไม่ หันตรงเข้าหาประตูหน้า แต่ควรจะหันทำมุมกับประตูหน้า
2. แคชเชียร์และเครื่องคิดเงินจะต้อง ไม่ อยู่ใต้คานที่ยื่นออกมา เพราะจะทำให้เกิดปัญหาและอาการปวดศีรษะ
3. จะต้อง ไม่ มีมุมหรือขอบแหลมใด ๆ พุ่งเข้าหาเครื่องคิดเงินเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เกิดโชคร้ายและความไม่มั่นคงผลดีจากเครื่องคิดเลข
ที่บังเกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจนั้น สามารถจะเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วยวิธีการหลายวิธีด้วยกัน และนักธุรกิจทั้งหลายมักจะนำมาใช้ได้เสมอ ๆ
โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำในตำราโวงจุ้ยที่ดูเหมือนว่าจะก่อให้เกิดผลดีอย่าง ยอดเยี่ยมมาแล้วในหลาย ๆ กรณีประการแรก การติดกระจกต้านข้างหรือด้านหลัง
เครื่องคิดเลขจะทำให้เกิดมงคลอย่างมาก เพราะกระจกนี้จะช่วยสะท้อนภาพการดำเนินธุรกิจ และเป็นสัญลักษณ์ถึงเงินรายได้ประจำวันเพิ่มเข้ามามากขึ้นเป็นสองเท่าด้วย
ประการที่สอง แขวนกระดิ่งลมเอาไว้เหนือเครื่องคิดเลขเพื่อกระตุ้นพลังชี่ให้แรงขึ้น อันจะทำให้การค้าขายได้รับผลดีมากขึ้นไปด้วย และถ้ากระดิ่งลมทำมาจากหลอดไม้กลวง
ก็จะยิ่งดีมากขึ้น เนื่องจากทำให้เกิดพลังชี่อันเป็นมงคลขึ้นอย่างมากมายและแข็งแรงประการที่ สาม ให้วางแจกันแก้วเจียระไนซึ่งพันด้วยริบบิ้นสีแดงเอาไว้ข้าง ๆ เครื่องคิดเงิน
ก็จะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความราบรื่นในการประกอบธุรกิจการค้า เอื้ออำนวยความปรารถนาดีในอันที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และกลับมาใช้บริการอีกในครั้งต่อ ๆ ไป
4. ผู้เชี่ยวชาญ ฮวงจุ้ย บางคนจะสนับสนุนในแขวนขลุ่ยไม้ไผ่ที่พันด้วยริบบิ้นแดง เอาไว้เหนือเครื่องคิดเงิน เพราะเหมือนกับเป็นการนำทางให้พลังชี่ไหลเวียนขึ้นข้างบน
อันหมายถึงมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเพิ่มมากขึ้น แต่ตัวขลุ่ยจะต้องไม่หันขึ้นขึ้นด้านบน เพราะจะทำให้พลังชี่ไหลเวียนลงด้านล่าง และจะทำให้การค้าขายตกต่ำลงด้วย




ป้ายชื่อบริษัท ตราสัญลักษณ์ และตัวเลข

ก่อนจะมาดูกันถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการตกแต่งภายในสำนักงานร้านค้า และบริษัท เราจะต้องนึกถึงลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งของฮวงจุ้ยเพื่อการทำธุรกิจเสียก่อน
นั่นก็คือป้ายชื่อและตราสัญลักษณ์ (โลโก้) อันประกอบไปด้วยการออกแบบ ขนาด และการจัดวางตำแหน่งของป้ายชื่อหรือตราสัญลักษณ์เหล่านั้น คนจีนจะให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อบริษัท
มาก รวมทั้งมีความเชื่อโชคลางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อให้ได้ชื่อันเป็นมงคลพอ ๆ กับการเลือกใช้สัญลักษณ์ประจำบริษัทถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจัด ฮวงจุ้ย ก็ตาม
แต่ป้ายชื่อและตราสัญลักษณ์ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญของฮวงจุ้ยสำหรับธุรกิจ ทั่วไปดังนั้นการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงมุ่งไปในทางการจัดวางและการ ออกแบบเท่านั้น
ขนาดของป้ายชื่อควรจะเป็นไปตามหลักทั่วไปของฮวงจุ้ย คือ ต้องกลมกลืนและได้สมดุล ความชัดเจนของป้ายและตัวอักษร รวมทั้งขนาดของตัวอักษรจะต้องแสดงถึงความสมดุลเสมอ
การเลือกสีสันของป้ายชื่อนั้น นักฮวงจุ้ยแนะว่า ควรจะเลือกให้ถูกโฉลกกับธาตุของเจ้าของกิจการ นั่นคือให้ยึดเอาตามปีเกิดว่าตกธาตุไม้ ไฟ น้ำ เหล็ก หรือดิน จากนั้นจึงเลือกสีที่ถูกโฉลก
กับธาตุนั้น ๆ (ให้ดูรายละเอียดเรื่องวัฏจักรที่ให้คุณ ในตอนที่ ๑ ประกอบด้วย)ถ้าคุณเกิดในปีที่ตกธาตุไม้ นั่นก็หมายถึงว่าคุณถูกโฉลกกับธาตุไฟ คือสีแดง
ดังนั้นป้ายชื่อบริษัทของคุณก็ควรจะมีสีแดงเป็นหลักหรือถ้าคุณเกิดปีที่ตกธาตุน้ำ คุณก็จะถูกโฉลกกับธาตุไม้ คือใช้ป้ายชื่อเป็นสีเขียว อันจะมีความหมายว่า ธาตุของคุณจะช่วยเสริมสร้าง
ความสำเร็จให้กับบริษัทของคุณพึงระลึกเอาไว้ว่า ป้ายชื่อก็คือตัวแทนของบริษัท และตัวคุณจะเป็นเพียงผู้ดำเนินการ นั่นก็หมายถึงว่า คนที่ดำเนินธุรกิจจะต้อง “ให้คุณ” กับตัวบริษัทนั่นเอง
วิธีเลือกสีอีกประการหนึ่งก็คือ การดูจากตำราอี้จิง ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกสีสันให้เหมาะกับตัวคุณ นัก ฮวงจุ้ย บางคนจะนึกถึงที่ “เหมาะสม” กับธุรกิจบางประเภทเช่นสีทอง
หรือสีแดงจะเหมาะกับร้านอาหาร เพราะเราะใช้ไฟในการ “ปรุง” อาหาร ส่วนสีขาวจะเหมาะกับร้านเพชร เพราะสีขาวหมายถึงเหล็กหรือโลหะ และทองก็คือโลหะชนิดหนึ่งนั่นเอง ฯลฯ
ชาวจีนจะเชื่อกันมากเกี่ยวกับการใช้แสงสว่างแสงไฟหลากสีสันอันสว่างไสว โดยเฉพาะที่ในร้านอาหารจะดึงดุดลูกค้าเข้ามาได้มากถ้านึกถึงแสงไฟอันแพรว พรายของย่านกินซ่าในกรุงโตเกียวแล้ว
คุณคงจะพอเข้าใจถึงความมลังเมลืองของไฟนีออนในเมืองเสี่ยงโชคของสหรัฐอเมริกา คือลาสเวกัส ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลทราย คนที่ไปที่นั่นมักจะลืมนึกถึงแสงสว่างไปเลย เพราะไฟฟ้าจะเปิด
สว่างไสวตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ลองมาดูที่ใกล้บ้านคุณดูบ้าง คุณจะพบว่าร้านอาหารในกัวลาลัมเปอร์และในเมืองใหญ่ของมาเลเซียที่เปิดไฟใน ร้านให้สว่างไสวจะดำเนินธุรกิจอย่าง
ราบรื่นต่อไปแล้วคืนเล่าการเลือกแบบตราสัญลักษณ์ของบริษัทจะมีความซับซ้อนมากขึ้นอีกเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่มีกฎเกณฑ์ที่หนักหน่วงนัก
แต่คุณพึงระลึกเอาไว้เสมอว่ารูปทรงที่ต้องตามลักษณะจะมีความเป็นมงคลมากกว่ารูปทรงอื่น ๆ และควรจะหลีกเลี่ยงสิ่งใดก็ตามที่มีความไม่สมดุล ไม่สมบูรณ์ไม่กลมกลืนกัน
หรือคล้ายคลึงกับสิ่งอันเป็นอัปมงคล ดังนั้นจึงไม่ควรใช้รูปกากบาท สามเหลี่ยม รวมทั้งรูปลูกศรที่ชี้ลง เพื่อนำมาประกอบในตราสัญลักษณ์ของบริษัท
รูปทรงที่นำมาใช้ในการออกแบบตราสัญลักษณ์ของบริษัทควรจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือวงกลม จึงจะถือว่าเป็นรูปทรงที่ต้องลักษณ์รวมทั้ง
ใช้ถ้อยคำในภาษาจีนที่มีความหมายไปในทาง “โชคดี” ด้วยนั่นคือถ้อยคำจำพวก “ความสุขสองเท่า” “ความเจริญเติบโต” หรือ “โชคดี” จึงเป็นถ้อยคำที่ดีที่น่าจะนำมาประกอบการออกแบบด้วย
บริษัทห้างร้านชาวจีนหลายแห่งจะใช้มังกรเป็นเครื่องแสดงตราสัญลักษณ์ของ บริษัท เนื่องจากมังกรจัดว่าเป็นสัตว์มงคลที่แสดงถึงความมีอำนาจ การบริหาร ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
และความกล้าหาญ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้มังกรกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนจีนในไชนาทาวน์อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก มังกรจะผงาดศีรษะอย่างผยองในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งในป้ายที่ติดอยู่ด้านนอก
รวมทั้งการออกแบบและการตกแต่งภายในบริษัทด้วย ตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์รูปมังกรก็คือ ตรามังกรฮ่องเหลียงที่แสดงเอาไว้ในภาพประกอบข้างบนในภาพประกอบข้างล่างแสดงถึง
สัญลักษณ์มังกรซิด ภายในตราสัญลักษณ์จะมีภาพมังกรสีเงิน และมีคำว่า “มังกรซิด” (Dragon Seed) เขียนตัวอักษรด้วยสีม่วง ซึ่งเป็นสีที่คนจีนออกเสียงเรียกว่า “เหงียนฉี” (Ngan Chee)
อันหมายถึง “เงินตรา” นั่นเอง ตัวมังกรนั้นถูกเขียนเป็นรูปมงกุฎ ซึ่งแสดงถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมของสินค้าที่นำไปจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าใน เครือของบริษัทรูปนกโฟนิกซ์ เต่า สิงโต ค้างคาว
และกวาง ก็ล้วนแล้วจะจัดกันว่าเป็นสัญลักษณ์นำโชคทั้งสิ้น เพราะใช้แทนความหมายถึงความมั่นคงเป็นเนืองนิตย์ การตัดสินใจที่ดี และความร่ำรวยในทรัพย์สมบัตเมื่อนำรูปเหล่านี้มาออกแบบเป็น
รูปทรงเรขาคณิต เราจะต้องระมัดระวังอย่าให้รูปสัญลักษณ์เหล่านี้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมมากจน เกินไปด้วยบางครั้งอาจมีการพลั้งเผลอใช้ตราสัญลักษณ์ที่เป็นอัปมงคลอย่าง ร้ายแรงโดยไม่ทันเฉลียวใจเลย
อย่างเช่น ป้ายโลโก้อันก่อนของบริษัทสุพรีม คอร์เปอร์เรชั่น ที่คล้ายกับรูปปากัวหัก ซึ่งนับว่าเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นอัปมงคลมาก ทั้งนี้เพราะปากัวเป็นเครื่องหมายแสดงถึงเครื่องลางป้องกันภัย
ซึ่งนัก ฮวงจุ้ย นำมาใช้ต่อสู้กับลูกศรพิษและวัตถุอันตรายอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดพลังซาหรือพลังชี่อันร้ายกาจ เมื่อปากัวหักเสียแล้วก็เหมายถึงว่าปากัวนั้นได้ “สูญเสีย”
พลังอำนาจที่จะไปต่อกรกับพลังชี่อันเลวร้ายได้เสียแล้ว


 
การตกแต่งภายใน
 
ในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮ่องกงนั้น มีความเชื่อว่า ฮวงจุ้ย ที่ดีเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งในการแข่งขันกันทางด้านการประกอบธุรกิจ และที่มองเห็นได้ชัดเจนก็คือ
การตกแต่งภายในสำนักงาน การจัดตกแต่งภายในมักจะต้องอาศัยคำปรึกษาจากนัก ฮวงจุ้ย เกี่ยวกับหลักพื้นฐานที่จำเป็นในการออกแบบ เท่าที่ข้าพเจ้าทราบก็คือ
บริษัทหรือธนาคารต่างประเทศหรือที่เป็นนานาชาติเช่น รอธชายด์ ซิตี้แบ้งค์ เชสหรือแม้กระทั่งวอลสตรีทเจอร์นัล เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ตอ้งปรึกษากับนัก ฮวงจุ้ย ทุกครั้ง
ที่มีการเปลี่ยนแปลงโต๊ะทำงานของพนักงาน เพราะนั่นเหมายถึงการออกแบบสำนักงานใหม่นั่นเอง

รูปแบบการจัดสำนักงาน
 
การจัด ฮวงจุ้ย ภายในสำนักงานจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่การำหนดแปลนของสำนักงาน โดยเฉพาะเรื่องตกแหน่งและการหันทิศทางห้องทำงานของนักธุรกิจหรือหัวหน้าใหญ่
ซึ่งอาจจะเป็นประธานบริษัทผู้อำนวยการจัดการ ผู้บริหารระดับสูง หรือตำแหน่งใหญ่อื่น ๆ ทั่วไป ถ้าหากคนคนนั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าคนสำคัญแล้ว ฮวงจุ้ย
ห้องทำงานของเขาจะมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการประกอบธุรกิจหรือการดำเนนงานของ บริษัทผู้เป็นหัวหน้าจะต้องนั่งทำงานในตำแหน่งที่เป็นมงคลมากที่สุดและเป็น ตำแหน่ง
ที่เหมาะในการสั่งงานมากที่สุดด้วย เพราะอำนาจและการบริหารเป็นเรื่องสำคัญในการทำธุรกิจ ซึ่งในตำรา ฮวงจุ้ย กำหนดให้ตั้งอยู่ในมุมที่ห่างจากทางเข้าสำนักงานมากที่สุด
เพราะการจัดห้องทำงานของหัวหน้าให้อยู่ในมุมที่ตรงข้ามเป็นแนวเฉียงจากทาง เข้า จะทำให้หัวหน้าสามารถควบคุมงานได้สูงสุด มีสมาธิมากที่สุด
และมีโชคดีมากที่สุดด้วย การบริหารงานของหัวหน้าคนนี้จะไม่เกิดปัญหา มีการตัดสินใจที่ดี และเป็นลางดีสำหรับโชคชะตาของบริษัทด้วยนอกจากนี้แล้ว “มุมตรงข้าม”
ยังเป็นบริเวณที่มีสมรรถภาพในการเจริญเติบโตสูงด้วย และยังเป็นบริเวณที่พลังชี่มีความสมดุลดีมาก ถ้าบริเวณดังกล่าวภายในสำนักงานไม่ใช่ห้องทำงานของหัวหน้า
คนที่ได้ทำงานในที่นั้นจะได้รับโชคดีนั้นจะเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่ง เรื่องของบริษัทหรือไม่ก็ตามการกำหนดมุมภายในสำนักงานไม่ควรสร้างความยุ่ง ยากด้วย
นั่นคือโต๊ะเลขานุการและโต๊ะพนักงานบริษัทที่อยู่ด้านนอก ไม่ควรจะตั้งในแนวที่จะมาสกัดกั้นการไหลเวียนของพลังชี่ พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ควรมีโต๊ะของพนักงานคนใด
ตั้งขวางทางเดินที่จะนำไปยังประตูห้องทำงานของหัวหน้า